Wish พรมหัศจรรย์ 2023 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
ตัวอย่างหนัง Wish พรมหัศจรรย์ 2023 พากย์ไทย
ดูหนัง Wish พรมหัศจรรย์ 2023 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ:Wish พรมหัศจรรย์ 2023 พากย์ไทย ณ ดินแดน โรซาส ที่ถูกสร้างโดยราชาแม็กนิฟิโค ดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนวิเศษที่พรของทุกคนจะสมหวังเป็นจริงตามต้องการ ซึ่งทุกคนในเมืองเมื่อถึงอายุ 18 ต้องมอบพรของตัวเองให้ราชาดูแล จนเมื่อถึงวันประทานพรที่จะจัดขึ้นในทุก ๆ เดือน ในวันนั้นจะเป็นวันที่พรกลายเป็นจริง ซึ่งวันนั้นเองราชาแม็กนิฟิโคจะเป็นคนประทานพรให้อาชา หญิงสาวจิตใจดีที่อาศัยอยู่กับครอบครัว เธอทำหน้าที่เป็นไกด์ให้กับชาวเมืองจากต่างแดน บอกเล่าเรื่องราวแสนวิเศษของเมืองให้แก่พวกเขาได้รับรู้ ก่อนที่อาชาจะเข้าไปในวังเพื่อพบเพื่อนสนิทของตัวเอง อาชารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ราชาจะคัดคนเพื่อเป็นลูกมือคนสนิท โดยเธอหวังว่าเธอจะกลายเป็นคนนั้น เนื่องจากเธอหวังว่าราชาจะช่วยประทานพรให้ปู่ของเธอ ซึ่งในปีนี้ปู่ของเขาจะมีอายุครบ 100 ปี หากได้รับบันดาลพรคงจะเป็นพรที่วิเศษที่สุดในชีวิตแน่นอน ขณะนั้นเองราชินีเข้ามาตามตัวอาชา เธอมีความรู้สึกเอ็นดูอาชาเป็นพิเศษ อาชารู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากเพราะเธอได้เข้ามาพบกับราชาเป็นการส่วนตัว ราชาได้กล่าวกับเธอว่า เขานั้นรู้จักพ่อของเธอดี เพราะเขามีความสามารถมาก ๆ แต่ต้องด่วนจากไปเร็ว ซึ่งจุดนี้เองราชาก็ได้เล่าถึงอดีตของตัวเอง ว่าเขาก็สูญเสียครอบครัวอันเป็นที่รัก ไปจากการบุกโจมตีของโจรที่ต้องการขโมยของ พร้อมสังหารครอบครัวเขา ราชารู้สึกถูกใจอาชาอย่างมาก เขาตัดสินใจพาเธอมายังห้องเก็บพรที่รวบรวมพรของทุก ๆ คนในเมืองเอาไว้ โดยพรที่ฝากไว้กับราชาจะถูกเก็บรักษา โดยผู้ที่ฝากพรนั้นจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคำขอของตัวเองเลย จนเมื่อได้รับประทานพรถึงจะจำได้ อาชาสังเกตเห็นพรของปู่ตัวเอง เธอขอร้องให้ราชาช่วยประทานพรให้ปู่ของเธอ เนื่องจากเขานั้นรอพรมานานแสนนานกว่า 100 ปีแล้ว แต่เมื่อเขาได้เห็นพรของปู่ที่ต้องการเป็นแรงบันดาลใจของคนรุ่นหลัง ราชาปฏิเสธทันที เพราะเขามองว่าเป็นการชี้นำที่สุ่มเสี่ยงเกินไป อาจชี้นำไปในทิศทางดีหรือไม่ดีก็ได้ จากการโต้เถียงครั้งนี้อาชารู้สึกอึ้งที่เธอได้เห็นอีกด้านของราชาผู้เป็นที่รักของทุก ๆ คน เมื่อวันประทานพรมาถึง คนที่ได้รับการประทานพรจากราชาคือ หญิงสาวคนนึง โดยเธอขอเพียงว่าให้ตัวเองได้สามารถตัดชุดสวย ๆ ให้แก่คนในเมืองสวมใส่ ก่อนจะบอกอาชาว่าเธอนั้นสอบตกจากการเป็นลูกมือของเขา เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่ผิดหวังกับราชาที่ทำกับทุก ๆ คนเช่นนี้ ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าของเธอ จู่ ๆ ได้มีแสงฉายลงมาที่เมืองโรซาส ซึ่งเหล่าชาวบ้านต่างคิดว่าราชาเป็นคนทำสิ่งนี้ อาชาได้พบกับดวงดาวที่บินไปมาใกล้ ๆ เธอ ดวงดาวไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาได้ แต่มันเลือกที่ทำให้สัตว์เลี้ยงของเธอสามารถพูดสื่อสารได้ รวมถึงบรรดาสัตว์ป่าที่พูดคุยได้ด้วย อาชารู้สึกสับสนกับเรื่องตรงหน้าเป็นอย่างมาก เพราะอะไรดวงดาวต้องเลือกที่จะมาหาอาชา การเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ที่เธอต้องเจอคืออะไร ราชาผู้ที่เคยมีพลังวิเศษอันยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองจะมีความคิดเห็นหรือรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ร่วมออกตามหาความจริง พร้อมผจญภัยไปพร้อมกันได้เลย
บอกได้เลยว่า “Wish พรมหัศจรรย์” น่าจะเป็นหนึ่งในหนังที่ค่อนข้างดึงดูดความสนใจมาก ๆ เรื่องหนึ่งในรอบปีนี้ เพราะไม่ใช่แค่เป็นแอนิเมชั่นที่ออกมาฉลองครบ 100 ปีของดิสนีย์เท่านั้น หนังยังมีผู้กำกับหญิงชาวไทยเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลงานอันสุดแสนจะบรรเจิดครั้งนี้ แต่กลับรู้สึกว่าพอหนังใกล้จะออกฉาย..บรรยากาศช่างดูเบาบางไปเสียเหลือเกิน เพราะอะไรกัน…หรือว่าอาการหมดมุกที่ดิสนีย์กำลังเผชิญอยู่?Wish พรมหัศจรรย์ เป็นเรื่องราวของ เด็กสาวนามว่า อาช่า เธอได้ทำการขอพรจากดวงดาว แต่ปรากฏว่าด้วยแรงอธิษฐานของเธอนั้นกลับสัมฤทธิ์ผลได้มากกว่าที่คาดเอาไว้ เมื่อดวงดาวได้จุติลงมายังโลกและร่วมผจญภัยกับเธอ และมันยังเป็นตัวกระตุ้นให้อาณาจักรต้องสั่นคลอนกับเบื้องลึกเบื้องหลังในตัวตนของ ราชาแม็กนิฟิโค ผู้หล่อเหลาไม่มีใครเทียบเอาแบบนี้..จะหาว่าใจร้ายเกินไปหน่อย เพราะเกริ่นมาแบบพร้อมด่าชำแหละหนังแบบสุดฤทธิ์ขนาดนี้ แต่เมื่อได้สัมผัสกับ Wish พรมหัศจรรย์ แบบเต็มตาแล้ว ก็ต้องยอมรับแหละว่า มันค่อนข้างน่าผิดหวังไปหน่อย นี่คือค่ายหนังที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความตื่นตาตื่นใจและร้องว้าวกับไอเดียสนุก ๆ ของพวกเขามาก่อน แต่กลายเป็นว่าเมื่อมาถึงยุคปัจจุบันนี้ เสน่ห์และมนต์ขลังเหล่านั้นมันแทบจะจางหายไป และวนเวียนอยู่แต่การใช้อะไรเดิม ๆ ในการร้อยเรียงขึ้นชื่อว่า วอลต์ ดิสนีย์ ที่เราเคยยกนิ้วให้กับการเป็นค่ายหนังที่เก่งในการเล่าเรื่องมาก ๆ มักสร้างเซอร์ไพรส์ในผลงานของพวกเขาเสมอ ๆ แต่กลายเป็นว่าใน Wish พรมหัศจรรย์ เป็นหนังที่ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ ในวิธีการเล่าเรื่อง อาจจะเพราะด้วยความที่ไม่มีอะไรสดใหม่ในหนังเลย ลงสนามแบบเพลย์เซฟเป็นหลัก แนวคิดของหนังก็ไม่ได้ชวนซื้อใจคนดูได้ถึงที่สุดอะไรขนาดนั้น จึงกลายเป็นว่าหนังมัวแต่เซอร์วิสกับการยัดใส่ลูกเล่นอีสเตอร์เอ้กของในค่ายตัวเองไปเสียอย่างนั้นถ้าหากว่าใครที่เป็นแฟนหนังการ์ตูนดิสนีย์ตัวยง คิดว่านี่น่าจะทำให้คุณเพลิดเพลินกับการเก็บตกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถูกหยอดใส่เข้ามาเป็นกิมมิกในหนังตลอดทั้งเรื่อง มันเป็นวันวานที่หวนคิดถึง เป็นการกระตุ้นต่อม nostalgia ที่ใคร ๆ ก็มักจะทำ แต่ทว่าถ้าไม่ใช่แฟนคลับหนังค่ายนี้ นี่ก็คือหนังเพ้อ ๆ สูตรสำเร็จเดิม ที่ก็ไม่มีอะไรนอกจากฝ่ายธรรมะชนะอธรรมอะไรทำนองนั้น..แค่นั้นเองทางด้านงานสร้างของ 2 ผู้กำกับ “คริส บัค” กับ “ฝน วีระสุนทร” ก็ถือว่าใช้ได้ แต่ไม่ถึงกลับทำให้รู้สึกว้าวอะไร นับว่าเป็นอีกงานแอนิเมชั่นดิสนีย์ที่ค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียดอยู่ แต่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนและสร้างความผูกพันใดที่ชวนจดจำกับคนดู กลายเป็นว่าที่คือหนังขนาดความยาว 90 นาทีนิด ๆ ที่เมื่อเราดูจบแล้วก็จบเลย สามารถวางกองเอาไว้ตรงที่เดิมและไม่นำติดตามกลับไปตกผนึกใด ๆ เพราะข้อความของหนังแทบจะไม่มีอะไรที่ปัจเจกWish พรมหัศจรรย์ อาจจะทำคะแนนได้ขึ้นเล็กน้อย จากบทเพลงต่าง ๆ ที่ประพันธ์ขึ้นมาใช้คลอและร้อยเรียงไปตลอดทั้งเรื่อง แต่กลับรู้สึกว่าเพลงอันไพเราะและเนื้อหาที่ลึกซึ้งกินใจเหล่านี้ ถูกนำจับมาใส่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างผิดที่ผิดทางไปสักหน่อย กลายเป็นเพลงยังไม่สามารถปลุกเร้าและขับเคลื่อนอารมณ์ผู้ชมได้ดีเท่าที่ควร มีแค่เพียง ‘This Wish’ ที่น่าจะเป็นท่วงทำนองเดียวที่น่าไปขับขานไปได้กับหนังเรื่องนี้ส่วนงานให้เสียงพากย์ตัวละครต่าง ๆ ในเรื่องนี้ถือว่าใช้ได้เช่นกัน ถึงหลาย ๆ องค์ประกอบจะชวนทำให้เรารู้สึกไม่ได้หลงใหลอะไร แต่เสียงของ “อารีอานา เดโบซ” หรือ “คริส ไพน์” ก็มาช่วยเติมแต่งความยิ่งใหญ่รัชดาลัยได้มากขึ้น แม้ว่าออกมาโดยรวมแล้วก็ยังไม่ช่วยให้ Wish พรมหัศจรรย์ จากความแห้งแล้งแห่งมนต์ขลังที่ขาดหายไปเลยก็ตามทีโดยสรุปนั้นคงจะต้องบอกว่า Wish พรมหัศจรรย์ อาจจะยังไม่ถึงขั้นที่จะทำหน้าที่เป็นหนังครบรอบ 100 ปีของดิสนีย์ได้อย่างน่าประทับใจ มันเป็นหนังที่ค่อนข้างไร้รสชาติไปสักหน่อย ภาวะอาการหมดมุกยังคงรุมเร้าค่ายหนังแห่งนี้อยู่ต่อไป ซึ่งบัดนี้มันคืบคลานเข้ามากระทบกับแผนกหนังแอนิเมชั่นแล้ว ดูเหมือนจังหวะการเล่าเรื่องที่เป็นเสน่ห์ของหนังค่ายนี้ได้หายไปอย่างน่าเสียดาย ทดแทนมาด้วยความมหัศจรรย์ที่ไม่พลุ่งพล่านเหมือนแต่ก่อน มีแค่บทเพลงเท่านั้น..ที่คอยพยุงหนังเอาไว้อย่างเดียวดาย