The Legend & Butterfly 2023 ซับไทย
ตัวอย่างหนัง The Legend & Butterfly 2023 ซับไทย
ดูหนัง The Legend & Butterfly 2023 ซับไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ:The Legend & Butterfly (2023) โอดะ โนบูนางะ แต่งงานกับโนฮิเมะ ซึ่งต้องการให้เขาตาย แต่เมื่อพ่อของนางเสียชีวิตลง เขาคือผู้ที่ทำให้นางอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป และเมื่อตกอยู่ในเหตุการณ์คับขัน นางเป็นกำลังใจให้เขา ทั้งคู่ร่วมมือกันจนเอาชนะศึกโอเกะฮาซามะและมีความฝันที่จะรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว แต่ต่อมาเขากลายเป็น “ราชาปิศาจ” จนนำไปสู่เหตุการณ์ที่ฮนโนจิ แล้วอะไรคือความฝันที่แท้จริงของคนทั้งคู่ตลอดเวลา 30 ปี ที่อยู่ด้วยกัน
ในชีวิตคนชอบดูหนังจะต้องมีหนังบางเรื่องที่ไม่ต้องมีเหตุผลร้อยแปดพันประการมาให้ตัดสินใจมีเพียงเหตุผลเดียวก็เพียงพอที่จะเลือกดูเลือกชม ซึ่งดูไปบ่นไปเชื่อเหลือเกินว่าชื่อนักแสดงสามารถเป็นเหตุผลให้ใครบางคนเลือกดูหนังสักเรื่องซึ่งผู้เขียนเองก็เป็นเช่นนั้น ทว่าในโลกภาพยนตร์มีนักแสดงมากมายที่โลดแล่นอยู่แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าไปนั่งในใจคนดูถึงขนาดที่ว่าชื่อของเขาหรือเธอเป็นเหตุผลในการที่คนดูจะดูหนังที่เขาหรือเธอแสดง แน่นอนผู้เขียนมีนักแสดงในดวงใจทั้งทางตะวันตกทางเกาหลีและทางญี่ปุ่นที่ชื่นชอบดูงานจากแดนอาทิตย์อุทัยไม่น้อย ซึ่งนักแสดงชายทางญี่ปุ่นนั้นถ้ามีชื่อของทาคุยะ คิมูระมาเป็นชื่อขายแล้วผู้เขียนพร้อมดูทันทีส่วนนักแสดงหญิงนั้นอาจมีหลายคนและหนึ่งในนั้นคือฮารุกะ อายาเสะ และสำหรับทั้งสองคนคือทาคุยะ คิมูระกับฮารุกะ อายาเสะก็คือนักแสดงเบอร์ต้นๆของญี่ปุ่นที่หน้าตาและฝีมือการแสดงไปในทางเดียวกันแล้วเมื่อมาเจอกันในหนังฟอร์มดีที่ตีตราว่าฉลองครบรอบเจ็ดสิบปีของบริษัท Toei ทำให้ถ้าไม่ดูก็บ้าแล้ว เปิดมาด้วยการแต่งงานทางการเมืองแบบคลุมถุงชนของโนบุนางะ โอดะ (ทาคุยะ คิมูระ) ที่มีฉายาว่าคนโง่แห่งโอวาริกับโนฮิเมะ (ฮารุกะ อายาเสะ) แต่ทั้งสองคนกลับมีความสัมพันธ์ของสวนทางกัน จนวันหนึ่งแคว้นของบิดาของโนฮิเมะได้เกิดการกบฏแล้วโนบุนางะกำลังจะยกทัพไปช่วยแต่ไม่ทันทำให้บิดาของนางถูกสังหาร จนเมื่อแคว้นของโนบุนางะถูกโจมตีบ้างโนฮิเมะที่เชี่ยวชาญพิชัยสงครามกว่าโนบุนางะผู้มุทะลุได้อยู่เบื้องหลังการชนะศึกของโนบุนางะ และหลังจากนั้นกองทัพของโนบุนางะก็ได้รับชัยชนะเรื่อยไปจนเป็นกองทัพที่เกรียงไกรควบคู่ไปกับในหัวใจของสองสามีภรรยาที่เริ่มต้นจากไม่ชอบหน้ากันเริ่มมีอะไรเปลี่ยนแปลง กระทั่งเมื่อโนบุนางะชนะศึกไปเรื่อยๆจนจิตใจด้านชาทำให้เขากลายเป็นราชาปีศาจที่กระหายการเข่นฆ่าและสงครามโดยหลงลืมภรรยาท่านหญิงโนฮิเมะไว้ข้างหลัง จนกระทั่งเมื่อบริวารของโนบุนางะมาของให้ท่านหญิงโนฮิเมะช่วยดึงสติเจ้านายของพวกเขาแต่ไม่เป็นผล โนฮิเมะจึงตัดสินใจจากมาเพื่อที่จะรู้ตัวว่านางรักโนบุนางะมากขนาดไหนซึ่งโนบุนางะเองก็ไม่ต่างกันเมื่อเขาได้รู้ว่าความยิ่งใหญ่เกรียงไกรกลายเป็นตำนานนั้นไม่มีค่าเลยสักนิดถ้าไม่มีเจ้าเคียงข้าง เล่าเรื่องของคนสองคนบนทางใจแต่ละเอียดละเมียดละไมจนกลายเป็นความโรแมนติกที่บาดลึก เรื่องนี้ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอิงประวัติศาสตร์หรือไม่เพราะหาข้อมูลไม่เจอจริงๆ แต่เรื่องพีเรียดเกี่ยวกับการศึกสงครามแบบนี้สัมผัสแรกที่ได้เห็นก็นึกว่าเป็นหนังมหากาพย์การศึกที่จะโรมรันพันตูกันอย่างเมามัน ทว่าเมื่อย้อนกลับไปดูชื่อของหนังที่ว่า The Legend & Butterfly ก็พอเข้าใจได้ว่านี่คือเรื่องของเจ้าตำนานกับผีเสื้อผู้งดงาม แล้วเรื่องก็ออกมาแบบนั้นด้วยการเล่าเรื่องของคนสองคนที่เริ่มต้นจากความไม่ลงรอยกันแต่สถานการณ์ได้หล่อหลอมความรักขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว โดยให้มีเรื่องของการศึกษาอยู่เบื้องหลังทำให้หนังเล่าเรื่องของคนสองคนโดยไม่สนสิ่งรอบข้างเพราะสองคนคือศูนย์รวมของทุกสิ่งปัจจัยอื่นๆหรือตัวละครอื่นๆเป็นแค่ส่วนเสริม สิ่งที่ได้คือความโรแมนติกที่บาดลึกเป็นรอยรักรอยแค้นเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่แต่ไม่รู้ตัวทว่าคนดูเท่านั้นที่เห็นว่าทั้งสองคนเริ่มมีอะไรเปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่ แต่ด้วยความเป็นญี่ปุ่นที่จะเล่าละเมียดแต่ไม่อัดหรือขยี้ทำให้ความโรแมนติกที่มีเป็นเหมือนสายธารที่เรื่อยเอื่อยแต่ไม่มีเหือดแห้ง ถึงฟอร์มการสร้างด้วยภาพที่ตระการตาเพลงที่ตระการหูทำให้ดูได้ไม่รู้เบื่อ ถ้าท่านจะคาดหวังถึงฉากรบใหญ่ๆอาจไม่มีให้เพราะบอกแล้วว่านี่คือหนังโรแมนติกดราม่าที่มาขายการปะทะของคนสองคน แต่แม้จะโฟกัสไปที่คนสองคนคือโนบุนางะกับโนฮิเมะหนังยังมีปัจจัยรอบข้างที่อลังการงานสร้างทั้งด้านฉากโลเกชั่นและผู้แสดงแม้จะมีบ้างที่เห็นเป็นงานด้านเทคนิคแต่ถ้าไม่ละเอียดมากก็จะไม่ทันสังเกต ทั้งยังมีเพลงที่ปลุกได้ทุกอารมณ์ทั้งโศกซึ้งหรือฮึกเหิมจนเศร้าในตอนท้ายเรียกได้ว่าเพลงประกอบส่งเสริมเรื่องเชิงอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างชะงัด ทำให้เมื่อปักป้ายว่านี่คือหนังฟอร์มยักษ์ทำเงินถล่มทลายในญี่ปุ่นแล้วเมื่อได้พิสูจน์ก็ยอมรับว่าในส่วนของงานสร้างจัดว่าถึงฟอร์ม แล้วด้วยความที่หนังญี่ปุ่นจะสื่อสารด้วยภาพเก่งก็ทำให้ถาพออกมาตระการตาหรือภาพที่ไม่น่ามองก็ยังรู้สึกบางอย่างเช่นซีนที่ผีเสื้อที่สวยงามเกาะที่ซากศพทหารที่ตายในสงคราม ทำให้ถ้าว่ากันที่ปัจจัยตกกระทบภายนอกคืองานด้านภาพและเพลงกระทั่งฉากต่อสู้ที่อาจเป็นแค่องค์ประกอบก็ทำให้เวลาสองชั่วโมงครึ่งกว่าๆดูได้แบบไม่รู้เบื่อ
ทุกสิ่งทุกอย่างช่างไร้ความหมายถ้าต้องว่างเปล่าไม่มีเจ้าเคียงข้างและฝันอันแสนธรรมดา เพราะนี่คือหนังที่บาดอารมณ์ความรู้สึกแบบซึมลึกไม่ใช่ฉูดฉาดวูบวาบดราม่าหนักเรียกน้ำตา แต่หนังค่อยๆเก็บเกี่ยวความรู้สึกคนดูตั้งแต่เริ่มต้นที่คนสองคนไม่ลงรอยกันจนเจอจุดเปลี่ยนทำให้เริ่มเปลี่ยนไปทีละนิดจนถึงจุดหนึ่งคนดูจะรู้ว่าข้างในหัวใจของทั้งโนฮิเมะและโนบุนางะเปลี่ยนไปแล้วแต่ทั้งคู่ยังไม่รู้ตัว ความรู้สึกลึกๆนั้นยังรวมไปถึงความทะเยอทะยานที่ได้สร้างปีศาจที่ไร้หัวใจจนกลับมาทำร้ายตัวเองและคนที่รักจนเมื่อรู้ว่ารักหมดใจก็แก้ไขอะไรไม่ได้ หรือความรู้สึกว่างเปล่าเมื่อไม่มีเจ้าเคียงข้างบนเส้นทางที่ยิ่งใหญ่ทำให้ไม่ว่าสิ่งใดก็ล้วนไร้ค่าเพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใดคือความฝันง่ายๆคือการได้ใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยาธรรมดาๆ และความรู้สึกบาปหนาของคนสองคนที่พัวพันกันแบบนี้เองที่กำหนดอารมณ์คนดูและตัวละครเพราะหนังเล่าค่อนข้างละเอียดในส่วนของความรู้สึก ดังนั้นเมื่อตัวละครโนฮิมะหรือโนบุนางะรู้สึกอย่างไรไม่มีทางที่คนดูจะไม่รู้สึกตามจนวาระสุดท้ายที่กินใจเหลือคณา การแสดงที่สะกดสายตาผ่านเรื่องราวที่สะกดหัวใจกำหนดอารมณ์ได้สมราคานักแสดงระดับแนวหน้า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนังสามารถเก็บเกี่ยวความรู้สึกคนดูได้ทุกกระเบียดคือการได้ทาคุยะ คิมูระมาร่วมงานกับฮารุกะ อายาเสะ เพราะหนังตั้งใจเล่าเรื่องโดยฉายแสงไฟไปที่ตัวละครสองคนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกันดังนั้นถ้าจะให้ดีนักแสดงต้องมีพลังดาราสะกดสายตาได้และสิ่งนั้นมีในทั้งทาคุยะ คิมูระและฮารุกะ อายาเสะ เพราะคนหล่อก็หล่อวัวตายควายล้มขนาดใส่วิกหัวล้านยังหล่อคนสวยก็สวยแบบล่มเมือง แถมยังได้การแสดงที่สะกดอารมณ์คือสามารถถ่ายทอดทุกสิ่งที่บทต้องการให้ตัวละครของทั้งสองคนสร้างความรู้สึกใดให้กับคนดู แล้วการแสดงของยอดฝีมือระดับนี้ก็สร้างฉากที่เร้าใจมากมายทั้งที่เป็นแค่ฉากพูดกันของสองคนคือทาคุยะ คิมูระประชันกับฮารุกะ อายาเสะในทุกซีนทุกความรู้สึก การแสดงของคนทั้งสองจึงเป็นส่วนที่ดีที่สุดเพราะนึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าไม่ใช่สองคนนี้จะมีพลังดึงดูดขนาดนี้หรือไม่ ถึงขนาดที่ต่อให้มีอะไรเข้ามากระทบจะดีจะร้ายคนดูจะไม่ละวางไปจากคนสองคน นี่คือความยอดเยี่ยมในแบบญี่ปุ่นที่อาจไม่เร่งเร้าไม่โฉ่งฉ่างแต่เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกจนไม่อาจลุกไปไหน อาจเพราะนี่คือหนังที่สร้างเพื่อฉลองครบรอบเจ็ดสิบปีบริษัท Toei ที่ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงหนังมาสก์ไรเดอร์ทั้งหลาย หนังจึงตั้งใจมาขโมยหัวใจคนดูด้วยเรื่องมหากาพย์ความรักที่เต็มอิ่มทั้งทางสายตาและอารมณ์ความรู้สึก ก็ใช่ที่ถ้าสร้างไปทางงานเอพิกสงครามระหว่างแคว้นเพื่อการรวมแผ่นดินญี่ปุ่นก็น่าจะเร้าใจไปอีกแบบแต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าจะใส่หัวใจลงไปได้หรือไม่ หนังจากการกำกับของเคอิชิ โอโทโมะ (Rurouni Kenshin ทุกภาค) จึงเลือกใช้หัวใจนำฉากรบ แล้วมาใส่อารมณ์ความรู้สึกให้คนดูรู้สึกไปกับตัวละครจนเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตตัวละครเพื่อที่จะเดินสู่เหตุการณ์ที่พัฒนาไปอย่างสนุกน่าสงสัยเร้าใจในแบบญี่ปุ่น นั่นคือละเอียดละเมียดไม่เร้าไม่โฉ่งฉ่างตูมตามแต่เมื่อจับเอาหัวใจคนดูเป็นตัวประกันด้วยการมีความรู้สึกร่วมของตัวละครแล้วคนดูก็จะถูกตรึงอยู่กับที่ไม่ลุกไปไหน จนกระทั่งถึงบทสรุปที่อยากให้เป็นแต่เมื่อไม่เป็นเช่นนั้นคนดูก็รู้สึกว่าน่าเสียดายแทนทั้งสองคนว่าน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้