The Black Death ผีห่าอโยธยา 2015 พากย์ไทย
ตัวอย่างหนัง The Black Death ผีห่าอโยธยา 2015 พากย์ไทย

ดูหนัง The Black Death ผีห่าอโยธยา 2015 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ:The Black Death ผีห่าอโยธยา 2015 พากย์ไทย ในปี พ.ศ. 2108 สมัยอยุธยา ตอนนั้นโรคห่ากำลังระบาด “คนตาย” ฟื้นคืนชีพกลายเป็นผีดิบซอมบี้ (หรือเรียกแบบไทยๆ ว่า “ผีห่า”) ไล่กัดกินฆ่าคนในหมู่บ้านจนแทบล้างบาง เหล่า “คนเป็น” ที่เหลือรอดจึงต้องพยายามต่อสู้ วิ่งหนี และหาทางเอาตัวรอดจากหายนะครั้งนี้ไปให้ได้
ออกตัวก่อนว่า เราไม่ค่อยได้ดูหนังไทยมากนักเมื่อเทียบกับหนังฝรั่ง แต่ “ผีห่าอโยธยา” ก็ยังเข้าข่ายหนังที่เราอยากดูและตั้งใจจะไปดูไม่ว่าจะได้ตั๋วรอบสื่อหรือไม่ เพราะเราเป็นคนที่ชอบดูหนังซอมบี้มากมาแต่ไหนแต่ไร อย่างหนังซอมบี้ฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ The Walking Dead หรือหนังซอมบี้แนวต่างๆ เช่น Resident Evil, Zombieland, Dawn of the Dead, Land of the Dead, Warm Bodies, World War Z ฯลฯ เราก็พยายามตามกวาดตามดูหมดเท่าที่หาดูได้ หลายเรื่องก็ดูมากกว่า 1 รอบด้วยซ้ำ (แม้แต่เกมก็ยังหามาเล่น ทั้งที่ปกติไม่เล่นเกมเลย) ซึ่งถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องของหนังซอมบี้เรื่องต่างๆ จะค่อนข้างมีสูตรสำเร็จและแอบเหมือนๆ กันอยู่บ้าง แต่แต่ละเรื่องมันก็มีเสน่ห์ของมันความแตกต่างประการหนึ่งที่น่าสนใจคือหนังซอมบี้ที่เราเคยดูส่วนใหญ่ (หรือทั้งหมดเลยก็ว่าได้) เป็นหนังซอมบี้โลกดิสโทเปียแบบในอนาคต เช่น Resident Evil ที่ผีดิบเกิดจากการพัฒนาไวรัสหรือสารอะไรสักอย่างของบริษัทร่มยักษ์ใหญ่ แต่ “ผีห่าอโยธยา” เป็นหนังซอมบี้เรื่องแรกที่นำเสนอ “Walkers” ในโลกอดีต (เท่าที่เราเคยดูมา) อาวุธที่คนเป็นใช้ต่อสู้หรือฆ่าพวกมัน จึงเป็นอาวุธแบบไทยเดิม เช่น ดาบ ปืนใหญ่ หรือแม้แต่ถ้วยชามกะลังมังไหตุ่มเท่าที่จะคว้าได้ รวมไปถึงการหวังพึ่งทางใจกับพระกับเจ้าตามวิถีชาวพุทธศาสนาโดยภาพรวม จริงๆ แล้ว “ผีห่าอโยธยา” ก็เหมือนหนังซอมบี้ฝรั่งเรื่องอื่นๆ นะ ที่ยังคงสูตรสำเร็จไว้ (คุณชายอดัมเป็นแฟนหนังของผู้กำกับฯ Groge A. Romero เจ้าของฉายา “Grandfather of the Zombie”)ความพิเศษคือ “ผีห่าอโยธยา” เอาผีดิบไปโยงกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ช่วงที่ “กาฬโลก (Plague)” หรือ โรคห่าระบาดสมัยอยุธยา โดยเคารพหนังซอมบี้ต้นฉบับ และสร้างสรรค์ตัวละครที่มีคาแรกเตอร์หลากหลายชัดเจนเหมือนออกมาจากการ์ตูน เช่น สาวถือค้อนสุดเอ็กซ์ หรือตัวร้ายที่เป็นตัวโจ๊กปัญญาอ่อนของเรื่อง ซึ่งแต่ละคนก็ดูมี mission หรือ decision ของตัวเองให้คนดูลุ้นตลอดเรื่องเช่นเดียวกับหนังซอมบี้รุ่นพี่ถึงจะมีอริจินัลมาจากตะวันตก แต่ “ผีห่าอโยธยา” ก็มีการผสมผสานกับบรรยากาศแบบไทยๆ สมัยยุคอโยธยาอย่างลงตัว อย่างความน้ำเน่าของรักต้องห้ามของดอกฟ้ากับหมาวัดตามสูตรหนังไทยดั้งเดิม หรือพระเณรพันสายสิญจน์กันผีรอบโบสถ์แบบหนังเรื่องนางนาก จนไปถึงการสะท้อนสังคมไทยเกี่ยวกับประเด็นการค้าประเวณีหรือความไม่เท่าเทียมของมนุษย์ที่มาแต่สมัยโบราณนานนมซอมบี้เวอร์ชั่นคุณชายอดัมจะเป็นแนวผีดิบวิ่งไวกระหายเนื้อ ความเร็วระดับปานกลาง ไม่บ้าคลั่งเท่าใน World War Z แต่ก็ไม่อืดเฉื่อยแบบใน The Walking Dead) แต่โดยส่วนตัวเราอยากให้มีผู้นำกลุ่มซอมบี้หรือมีซอมบี้สักตัวสองตัวที่เป็นตัวเด่นอย่างในเรื่อง Land of the Dead เพราะน่าจะช่วยเพิ่มมิติให้ฝั่งผีมากขึ้นสิ่งที่เราชื่นชมและชอบที่สุดใน “ผีห่าอโยธยา” คือความอินเตอร์และสมจริงของมัน ผีดิบแต่ละตัวนี่เนียนมากยังกับหนังซอมบี้ฮอลลีวูดมาเอง ทั้งเลือดทั้งหนองและลูกกะตานี่จัดเต็มมาก งานโปรดักชั่นส่วนอื่นๆ ก็ดูงานดีงานละเอียด (ขอไม่พูดถึงความถูกต้องตามประวัติศาสตร์ เพราะเราไม่มีความรู้) งานภาพถ่ายมาสวยมากกกกกก องค์ประกอบทุกอย่างดูลงตัว คืออาจจะเพราะคุณชายจบด้านฟิล์มมาจากเมืองนอกด้วยมั้ง การเล่นมุมกล้อง การถ่ายภาพ และการนำเสนอทุกอย่างมันดูอินเตอร์เหมือนกำลังดูหนังซอมบี้ฝรั่งจริงๆ ยังไงยังงั้น ถ้ามีตัวละครผิวสีอยู่ในเรื่องด้วยนี่ครบสูตรเลยสิ่งที่ยังไม่สุดก็อาจจะมีบ้างเพราะหนังสั้นไปหน่อยแล้วดำเนินเรื่องไว คือไอ้กระชับมันก็กระชับ แต่แค่รู้สึกว่าบางฉากเรายังอินได้ไม่สุดก็ถูกตัดฉากละ แต่ก็ชื่นชมที่สามารถนำเสนอคาแรกเตอร์ตัวละครและโชว์พัฒนาการความสัมพันธ์ของตัวละครให้เห็นได้ดีในเวลาอันน้อยนิด ซึ่งเราเชื่อว่าถ้าผู้ชมมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับตัวละครมากกว่านี้อีกนิด คนดูจะมีอารมณ์ร่วมและรู้สึกผูกพันอยากให้กำลังใจตัวละครแต่ละตัวในแต่ละซีนต่อไปมากขึ้น (แต่เราอยู่ #ทีมอีพลอย นะรู้ยัง อิอิ)นางเอก 2 ใน 3 คนของ “ผีห่าอโยธยา” ถือว่าค่อนข้าง “หน้าใหม่” สำหรับวงการแผ่นฟิล์ม การแสดงจึงยังไม่โดดเด่นดึงดูดตาเราเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะ แคท-ซอนญ่า ที่เรายังเข้าไม่ถึงอารมณ์ที่นางกำลังจะถ่ายทอดเท่าไหร่นัก ส่วน โซดา-วีรี นี่ถึงจะไม่ได้พีคอะไรมาก แต่เราเชื่อว่าคนจะจำนางได้เยอะแน่นอนเพราะนางเซ็กซี่และเท่มาก ยังกับ Alice ใน Resident Evilคนที่เล่นดีที่สุดในเรื่อง แทบทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แม็กกี้-อาภา ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นของผู้กำกับฯ อรุณ ภาวิไล คือทั้งเรื่องนี่มีแม็กกี้นี่แหละที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดละ ดูแล้วเชื่อว่าเป็นตัวละครตัวนั้น ณ อารมณ์นั้น ณ สถานที่หรือเหตุการณ์นั้นๆ เห็นนางมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กกระโปรงบานคอซอง (ตอนนั้นผมซอยสั้นดูกะโปโลมาก lol) วันนี้นางเป็นนางเอกดาวรุ่ง แถมยังเล่นหนังเล่นละครเก่งมาก เราหวังว่าบท “อีพลอย” จะส่งให้การแสดงของแม็กกี้ได้เข้าตากรรมการหลายต่อหลายคน และส่งให้นางไปได้ไกลยิ่งๆ ในวงการบันเทิงนี้ต่อไปใน “ผีห่าอโยธยา” นี้ แม็กกี้-อาภา รับบทคณิกาสาวใบ้ ทั้งเรื่องไม่ได้พูดเลยสักคำ แต่นางแสดงทางสีหน้า แววหน้า และอวัจนภาษาได้ดีมากกกกกก (ก.ไก่ ล้านตัว) ถ้า แต๊บ AF ส่งบทให้นางได้ดีกว่านี้ เราว่าซีนนั้นๆ น่าจะพีคกว่านี้อีกเยอะเลย แต่ก็เข้าใจนะว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะ แต๊บ AF ก็ถือว่ายังเป็นน้องใหม่สำหรับการแสดงอยู่ส่วน “เต้ย-พงศกร” ที่ถือเป็นจุดขายของเรื่อง ความหล่อล่ำคมเข้มสไตล์ไทยๆ นี่คงไม่ต้องพูดถึง แต่เราดูแล้วเรายังรู้สึกว่า “ไอ้คง-ผีห่าฯ” ยังเป็นคนเดียวกับ “พี่ทัพ-บางระจัน” อยู่ แต่แค่ไม่ได้ skillful เท่าพี่ทัพ แล้วพอไม่ได้เก่งกาจฉายเดี่ยวหรือมีม้าคู่กายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวแบบบทไอ้ทัพ เราเลยรู้สึกว่าเต้ยในเรื่องนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้จดจำได้เท่าไหร่นัก (อย่างโซดาเรายังจำได้ตรงค้อนและนม นึกออกปะ)เรื่องรูปร่างหน้าตา เต้ยผ่านละ เริ่มเป็นพระเอกพระรองของหนังหลายเรื่องได้แล้วโดยเฉพาะหนังโคตรไทยแนวนี้ แต่ในการเป็นพระเอกเต็มตัว เต้ยคงต้องทำการบ้านมากขึ้นกว่านี้อีกหน่อยเพื่อที่จะประคองหนังใหญ่ได้ตลอดทั้งเรื่องในเรื่องต่อๆ ไปโดยสรุป เอาตรงๆ ฟีดแบ็ครอบสื่อของ “ผีห่าอโยธยา” ออกมาเป็นสองขั้ว คือชอบไปเลย กับไม่ชอบไปเลย เราจึงตอบโช้ะๆ แทนทุกคนไม่ได้ว่าคุณจะชอบหรือจะเหมาะกับหนังเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน แต่คนที่ชอบแน่ๆ น่าจะเป็นคอหนังซอมบี้ คือถ้าดูหนังแนวนี้มาเยอะมากพอ จะเก๊ตมุกในเรื่อง หรือไม่ก็คนที่ชอบความดิบๆ เลือดกระฉูด ยิงฟันกันตึงตัง รวมถึงแฟนๆ ของนักแสดงนำในเรื่องอย่างไรก็ตาม “ผีห่าอโยธยา” ก็เป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่ดูดีที่สุดเรื่องหนึ่งในบรรดาหนังไทยหลายๆ เรื่องช่วงนี้ ด้วยโปรดักชั่นระดับอินเตอร์ มีความคัลท์แบบอินเตอร์ อีกทั้งมีรสชาติที่ครบรสทั้งแอ็คชั่น-โรแมนติก-ดราม่า-คอเมดี้ และที่สำคัญ เนื้อหนังที่คนต่างชาติก็ “ทัช” ได้ และมีการสอดแทรกความเป็นไทยลงไปในหนังแบบไม่ต้องพยายามยัดเยียด เราว่าหนังเรื่องนี้โกอินเตอร์ได้เลย ดังนั้น ถ้าคนไทยอยากจะช่วยสนับสนุนหนังไทยสักเรื่อง เราว่า “ผีห่าอโยธยา” เป็นหนังไทยที่ควรค่าพอที่เราจะสนับสนุนเป็นกำลังใจให้คนทำหนังได้ทำหนังที่คุณภาพ “เข้าใกล้” ฮอลลีวู้ดกับเขาสักที