Maharaja มหาราชา 2024 ซับไทย
ตัวอย่างหนัง Maharaja มหาราชา 2024 ซับไทย
ดูหนัง Maharaja มหาราชา 2024 ซับไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ:Maharaja มหาราชา 2024 ซับไทย ด้วยความที่ผู้เขียนต้องหารูปประกอบที่ถูกลิขสิทธิ์เพื่อมาประกอบบทความที่ท่านผู้อ่านได้อ่านกันในช่องทางนี้จากแหล่งที่มาคือโซเชียลมีเดียของหนังหรือซีรีส์ต่างๆหรืออาจรวมไปถึงสตูดิโอผู้จัดจำหน่ายด้วยเช่นกัน สิ่งที่ตามมาคือสายตาของผู้เขียนมักจะไปเห็นงานที่น่าสนใจที่อาจไม่ได้เข้าฉายหรือไม่ได้ลงสตรีมในบ้านเราทำให้หลายครั้งนึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับหนังเรื่องนี้ที่ผู้เขียนได้ผ่านตามาในโซเชียลมีเดียของทางอินเดียทำให้ทราบว่านี่คือหนังทำเงินระดับ Mega Blockbuster ในบ้านเขาทั้งที่เป็นหนังที่พูดภาษาทมิฬ นั่นหมายความว่าหนังต้องมีดีอะไรสักอย่างเกินกว่าหน้าหนังที่เห็นที่น่าจะเป็นงานทริลเลอร์ดราม่าที่เข้มข้น กระนั้นเมื่อเห็นว่ามีใน NETFLIX แล้วทางอินเดียแต่ของบ้านเรากลับหาไม่เจอซะงั้นจึงทำใจไปแล้วว่าไม่น่าจะได้ดูแต่แล้วในที่สุดหนังก็ลงสตรีมให้คนดูในบ้านเราได้พิสูจน์กัน อย่างกระนั้นเลยผู้เขียนจึงเจียดเวลาที่มีน้อยนิดในช่วงนี้มาพิสูจน์ทันทีที่ว่างปรากฎว่าเป็นดังต่อไปนี้มหาราชา (Vijay Sethupathi) ชายร่างใหญ่ชื่อแปลกผู้มีบุคลิกที่เงียบขรึมพูดน้อยสุภาพกับทุกคนท่าทีเจียมเนื้อเจียมตัวไม่มีปากเสียงกับใครและเขามีอาชีพช่างตัดผม จุดเด่นเพียงอย่างเดียวของมหาราชาคือพลังมหาศาลเมื่อเขาเห็นความไม่ถูกต้องจะยืนกรานถึงที่สุดเขาอยู่กับลูกสาววัยรุ่นที่รักพ่อมากกับถึงขยะหนึ่งถังที่ตั้งชื่อว่าลักษมี วันหนึ่งลูกสาวของเขาไปเข้าค่ายกรีฑาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์และฝากให้เขาดูแลทำความสะอาดลักษมีที่เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่มีกันสองคนและเรื่องนี้มีที่มา ทว่าในคืนหนึ่งเมื่อมหาราชากลับมาที่บ้านเขาก็พบว่าบ้านถูกงัดเข้ามาและเขาฟื้นขึ้นมาพร้อมกับลักษมีที่หายไปเขาจึงหอบสังขารไปแจ้งความ แต่ที่สถานีตำรวจไม่มีใครยอมรับแจ้งความถังขยะหนึ่งใบที่หายและแน่นอนที่นั่นก็มีตำรวจกังฉินที่เห็นแก่ผลประโยชน์มหาราชาจึงติดสินบนสารวัตรตำรวจให้หาลักษมีของเขาให้ได้ แล้วทำไมเขาต้องตามหาถังขยะอย่างเอาเป็นเอาตายหรือว่ามีอะไรแอบแฝงในใบหน้าที่เรียบเฉยของเขากันแน่รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอกด้วยการเล่าเรื่องที่เหนือชั้นและแพรวพราวชี้นำให้คาดเดาและก็ดันเดาไปแล้วเสียด้วย ที่ว่าหลอกคือหน้าหนังที่เป็นเหมือนงานทริลเลอร์ผสมดราม่าหนักๆที่ความจริงก็ยังเป็นแบบนั้นแต่การเล่าเรื่องในช่วงต้นกลายเป็นงานขายอารมณ์ขันแบบตลกร้ายมากกว่า สิ่งที่ตามมาคือคนดูจะคิดว่าเป็นหนังตลกร้ายที่เรียกรอยยิ้มได้จากพฤติกรรมซื่อๆจนทื่อกับการตามหาถังขยะหนึ่งใบ แต่แล้วเมื่อถึงครึ่งหลังกลับเข้าสู่ความจริงจังเมื่อหลายอย่างถูกปะติดปะต่อทั้งที่ก่อนหน้านี้คนดูบางคนอาจงงปนสงสัยด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นอะไร แต่สิ่งที่ทำให้หนังที่เล่าเหมือนกระจัดกระจายยังมีทิศทางที่มั่นคงเพราะตัวเรื่องแข็งแรงและมุ่งมั่นในการชี้นำให้คาดเดาผ่านจุดศูนย์กลางคือถึงขยะที่ชื่อลักษมีที่ก็สมเหตุผลดีที่ชายซื่อๆอย่างมหาราชาจะตามหา หนังยังเร่งเร้าด้วยเงื่อนเวลาที่ต้องตามหาให้เจอที่มาพร้อมอารมณ์ขันอีกแหละที่ว่ากันด้วยตำรวจกังฉินกับประชาชนคนซื่อแต่นั่นคือการหลอกให้คนดูไปในทิศที่ต้องการแล้วที่สำคัญคนดูก็คิดตามนั้นและเดาไปต่างๆนาๆ เหตุผลมาจากความแพรวพราวของการเล่าเรื่องที่จะเล่าง่ายๆก็ได้แต่เลือกมาแบบนี้คงต้องยกเครดิตให้ว่าเหนือชั้น เส้นเรื่องถ้าเล่าตรงๆคงเป็นเรื่องง่ายๆแต่เลือกไปแบบเหนือๆแล้วได้ผลลัพธ์ที่ร้ายกาจแม้ความจริงจะมีบาดแผลมากมาย ความจริงเส้นเรื่องแบบนี้จะเล่าตรงๆก็คงได้และจะเข้มข้นไปอีกแบบส่วนจะเป็นอะไรบอกไม่ได้ต้องไปพิสูจน์เอง แต่เรื่องนี้กลับเลือกเล่าด้วยการสลับไปมาแบบไม่เรียงเวลาแถมยังไม่มีจุดสังเกตว่าเรื่องไหนเกิดขึ้นตอนไหนหรือว่ามีแต่คนดูถูกชี้นำไปอีกทางแล้ว ผลที่ได้คือคนดูคิดเอาไว้ว่าใช่ต้องใช่แน่ๆที่เป็นแบบนี้แต่นั่นคือการเล่าเรื่องที่เหนือๆจนเมื่อถึงเวลากลายเป็นว่าอ๋อมันเป็นแบบนี้นี่เอง แล้วเมื่อถึงเวลาสิ่งที่ตามมากลายเป็นทั้งอึ้งและทึ่งที่เอาเรื่องง่ายๆมาเล่าได้เหนือเมฆขนาดนี้แม้จะไม่ถึงขนาดที่คิดได้ยังไงก็ยังน่าทึ่งอยู่ดี แต่ถ้าว่ากันตรงๆบทหนังยังมีปัญหาอยู่มากในส่วนของการซ่อนเร้นบางอย่างไว้เช่นตำรวจรู้ได้ไงในตอนท้ายและทำไมมหาราชาถึงได้… แน่นอนถ้าคิดให้ดีและลงลึกอย่างละเอียดหลังดูจบแล้วมาคิดแบบเรียงเวลากับเรื่องเล่าซึ่งก็ยังงงตัวเองอยู่ว่าจะคิดไปทำไมนี่ก็ยังเป็นหนังอินเดียที่มีบ้างที่โกงๆมีบ้างที่อะไรดูง่ายๆหรือมีบ้างที่แมงโม้บินว่อน แต่สิ่งเหล่านั้นถูกการเล่าเรื่องดึงความสนใจไปจนหลงลืมไปชั่วขณะนั้นผลที่ได้จึงร้ายกาจเหลือประมาณ
พลังของเรื่องที่เล่าถูกส่งเสริมด้วยพลังการแสดงที่นิ่งสมบทบาทจนสามารถซ่อนอะไรที่ควรซ่อนได้จนหลอกให้หลงได้ ส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้การซ่อนอะไรที่คนดูไม่ควรรู้ระหว่างทางคือการแสดงของนักแสดงที่ความจริงก็ทั้งหมดที่มีส่วนกับการหายไปของสิ่งที่มีค่าที่สุดของมหาราชา แต่คนที่ควบคุมทุกอย่างไว้คือตัวมหาราชาเองและความนิ่งเงียบขรึมสุภาพแต่ซ่อนบางอย่างไว้อย่างสมบทบาทของ Vijay Sethupathi คือสิ่งที่ส่งเสริมพลังของการเล่าเรื่อง เพราะโทนเรื่องที่ออกมาเหมือนคนซื่อๆแต่ซ่อนอะไรไว้ข้างในก็ไม่ต่างจากตัวมหาราชาเองที่เป็นคนแบบนั้นที่ไม่ใช่คนโง่แต่เป็นคนที่แสดงออกเหมือนโง่ให้คนอื่นตายใจ ทำให้อะไรที่ควรซ่อนให้สนิทในการเล่าเรื่องที่ชวนให้งงปนสงสัยไปจนสุดท้ายให้ผลลัพธ์ที่แยบยลนั่นเพราะพลังการแสดงที่ส่งเสริมการเล่าเรื่องที่แนบเนียน แน่นอนเมื่อดูจบมานั่งคิดทีหลังก็มีจุดอะไรบางอย่างให้สังเกตแล้วแต่ดันไม่สังเกตเพราะไม่ทันไปใส่ใจด้วยเหตุที่คนดูรู้สึกไปกับตัวมหาราชาเองได้อย่างที่เจตนาของหนังเป็นและนั่นมันมาจากการแสดงที่เหมือนเฉื่อยชาแต่สมบทบาทของ Vijay Sethupathi ล้วนๆ ต้องชื่นชมความเก่งและฉลาดที่เอาเรื่องที่ง่ายๆมาเล่าให้สนุกได้ด้วยการชี้นำสมองคนดูจนกลายเป็นงานที่น่าจดจำ ความจริงผู้เขียนไม่ชอบเสียงภาษาทมิฬของเรื่องนี้เอาเสียเลยเพราะเหมือนการบันทึกเสียงดูลอยๆประมาณเสียงพากย์ทับและสำเนียงภาษาทมิฬไม่คุ้นหูเหมือนภาษาฮินดี แต่ถ้าตัดตรงนี้ออกไปต้องชื่นชมคนเขียนบทควบกำกับ Nithilan Saminathan ว่าช่างร้ายเหลือ ทั้งที่ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เคยเห็นมาและบทสรุปสุดท้ายก็ใช่ว่าจะเกินคาดอะไรคือเมื่อถึงจุดหนึ่งคนดูที่ดูหนังหลอกซ้อนหลอกมามากพอจะรู้แล้วว่าหัวใจของเรื่องอยู่ที่อะไร แต่สิ่งที่เป็นคือการเอาเรื่องง่ายๆตรงๆแบบนี้แหละมาเล่าให้เหมือนง่ายแต่ซับซ้อนเหมือนกระจัดกระจายแต่มีจุดร่วมเดียวกันจนเหมือนการเล่าเรียงเวลาทั้งที่ไม่เรียงเวลาที่ไม่ขอพิมพ์มากไปกว่านี้เดี๋ยวจะงงเอง ทำให้เรื่องออกมาสนุกเหมือนหนังตลกในช่วงต้นจนมาจริงจังสุดตัวในช่วงหลังที่สำคัญสมองคนดูถูกชักนำไปอีกทางแล้วอย่างหมดจด ทำให้เรื่องนี้มีความดีงามที่การเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยมแม้จะมีริ้วรอยมากมายตัวละครมากมายมาแล้วหายแต่สุดท้ายก็ยังกลายเป็นงานที่น่าจดจำด้วยชั้นเชิงที่เหลือร้าย