Hard Days วันโหด 2023 พากย์ไทย
ตัวอย่างหนัง Hard Days วันโหด 2023 พากย์ไทย
ดูหนัง Hard Days วันโหด 2023 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ: Hard Days วันโหด 2023 พากย์ไทย ขณะหาทางหนีปัญหาชีวิตที่รุมเร้า นายตำรวจผู้อับจนหนทางนึกว่าตัวเองรอดพ้นจากคดีชนแล้วหนี แต่ดันมีพยานที่เห็นเหตุการณ์และรู้เบอร์โทรศัพท์ของเขา คืนฝนตกท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตาสารวัตรยูจิ คุโด (จุนอิจิ โอกาดะ) กำลังมีปัญหากับภรรยาเพราะแม่ของเขาป่วยหนักและใกล้สิ้นลมเต็มที ซ้ำยังไม่พอยังมีข่าวออกมาว่าเขารับสินบนจากแก๊งยากูซ่าทำให้ต้องได้รับการสอบสวนจากฝ่ายสอบสวนกิจการภายใน ทว่าเมื่ออารมณ์ไม่นิ่งการขับขี่ก็ไม่แน่นฝนตกถนนลิ่นมองทางไม่ค่อยเห็นจึงเป็นความซวยเมื่อเขาหักรถหลบคนที่วิ่งบนถนนไปหนึ่งคนแต่ก็ไปชนอีกหนึ่งคนเสียชีวิต เมื่อเข้าตาจนเขาจึงเอาศพใส่หลังรถแล้วดันเจอด่านตรวจก็ว้าวุ่นเพราะเขาดื่มมาอีกจึงเกิดปัญหาที่ด่าน จนมีตำรวจอีกคนมาพบและช่วยให้เขาผ่านไปเพราะเป็นฝ่ายสอบสวนกิจการภายในนั่นเองคือทาคายูกิ ยาซากิ (โก อายาโนะ) แล้วเมื่อคุโดพยายามปกปิดการเมาแล้วขับรถชนคนตายก็ยิ่งบานปลายแต่เขาก็กำลังจะจัดการได้อยู่แล้วเชียว ทว่ามีข้อความและโทรศัพท์จากชายปริศนาให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ในสายตาของบุคคลปลายสายนั้นแล้วใครกันที่รู้เห็นตลอดมาแต่นิ่งมาจนถึงตอนนี้ แล้วศพของคนคนนี้มีความสำคัญอะไรหรือคุโดไปพัวพันกับเรื่องใหญ่ขนาดไหนใครเล่าจะรู้
ถ้าว่ากันที่การเอาหนังดีๆมาสร้างใหม่นั้นเป็นเรื่องที่พบเห็นทั่วไปรีเมคกันมาก็รีเมคกันไปไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดถ้างานที่มาทีหลังจะไปถึงจุดที่น่าพอใจ นั่นเพราะงานใดก็ตามที่ได้รับการเอามารีเมคขึ้นมาใหม่จะจากชาติเดียวกันหรือหยิบไปเป็นงานของชาติอื่นแล้วออกมาเอาดีไม่ได้จะกลายเป็นเสียของเพราะของเก่าเขาทำไว้ดี ซึ่งบางทีการดูของใหม่ก็ทำให้นึกถึงของเก่าอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะบางครั้งบางอย่างก็ติดอยู่ในใจจนไม่อาจลืม ดังนั้นทางที่ดีก็อย่ามารีเมคเร็วเกินไปเพราะคนดูจะยังไม่ลืมของเก่าแต่ถ้ารอเวลาผ่านไปนานสักหน่อยแล้วค่อยมาทำก็อาจได้ผลลัพธ์ที่ต่างกันในแง่ของคนดู นั่นเพราะคนดูบางคนหรือส่วนมากอาจลืมรายละเอียดบางอย่างหรือกระทั่งลืมไปแล้วว่าอารมณ์ ณ ตอนที่ดูเมื่อครานั้นเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ที่เป็นการรีเมคจากหนังเกาหลีปี 2014 ชื่อเรื่องว่า A Hard Day ที่นำแสดงโดยโจจินอุงและอีซอนกยุน แต่สารภาพตรงนี้ว่าเวลาที่นานพอทำให้ผู้เขียนจำไม่ได้ว่ารายละเอียดและอารมณ์มาประมาณไหนหรือดูจากไหนยังลืมไปแล้วด้วยซ้ำทำให้งานใหม่นี้ดูดีเข้าขั้นเลย คืนฝนตกท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตาสารวัตรยูจิ คุโด (จุนอิจิ โอกาดะ) กำลังมีปัญหากับภรรยาเพราะแม่ของเขาป่วยหนักและใกล้สิ้นลมเต็มที ซ้ำยังไม่พอยังมีข่าวออกมาว่าเขารับสินบนจากแก๊งยากูซ่าทำให้ต้องได้รับการสอบสวนจากฝ่ายสอบสวนกิจการภายใน ทว่าเมื่ออารมณ์ไม่นิ่งการขับขี่ก็ไม่แน่นฝนตกถนนลิ่นมองทางไม่ค่อยเห็นจึงเป็นความซวยเมื่อเขาหักรถหลบคนที่วิ่งบนถนนไปหนึ่งคนแต่ก็ไปชนอีกหนึ่งคนเสียชีวิต เมื่อเข้าตาจนเขาจึงเอาศพใส่หลังรถแล้วดันเจอด่านตรวจก็ว้าวุ่นเพราะเขาดื่มมาอีกจึงเกิดปัญหาที่ด่าน จนมีตำรวจอีกคนมาพบและช่วยให้เขาผ่านไปเพราะเป็นฝ่ายสอบสวนกิจการภายในนั่นเองคือทาคายูกิ ยาซากิ (โก อายาโนะ) แล้วเมื่อคุโดพยายามปกปิดการเมาแล้วขับรถชนคนตายก็ยิ่งบานปลายแต่เขาก็กำลังจะจัดการได้อยู่แล้วเชียว ทว่ามีข้อความและโทรศัพท์จากชายปริศนาให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ในสายตาของบุคคลปลายสายนั้นแล้วใครกันที่รู้เห็นตลอดมาแต่นิ่งมาจนถึงตอนนี้ แล้วศพของคนคนนี้มีความสำคัญอะไรหรือคุโดไปพัวพันกับเรื่องใหญ่ขนาดไหนใครเล่าจะรู้ ฉลาดในการเล่าเรื่องทีละมุมก่อนจะมาบรรจบกันในตอนท้ายอย่างฉลาดประมาณฝนตกขี้หมูไหล สิ่งที่ต้องชื่นชมก่อนโดยที่ว่ากันที่เวอร์ชั่นญี่ปุ่นนี้เพียวๆเพราะเวอร์ชั่นนี้จัดว่าเอาดีได้ แรกเลยคือความฉลาดในการแบ่งการเล่าเรื่องเป็นสามส่วนชัดด้วยการเล่าทีละมุมทีละคนมุมละประมาณสี่สิบนาทีที่แบ่งกันไปเลยไม่ต้องแย่งกัน แล้วครึ่งชั่วโมงสุดท้ายก็กลายเป็นฝนตกขี้หมูไหลคนจัญไรมาพบกันที่แม้จะเล่าเรื่องแยกกันชัดแต่ส่วนเชื่อมและรายละเอียดเล็กน้อยเก็บได้หมด ทำให้ในตอนท้ายท้าทายความสงสัยในสมองคนดูยิ่งนักว่าเรื่องจะจบลงตรงไหน เพราะเมื่อสองเหตุการณ์จากสองมุมมารวมกันได้หนังก็มีทิศทางที่ชัดว่าจะไปตายเอาดาบหน้าเพราะเปิดปลายทิ้งไว้อ้าซ่าว่าสามารถเป็นไปได้หมด ซึ่งถ้าไม่ใช่หนังรีเมคจะต้องมีคิดบ้างล่ะว่าลูกเล่นแบบนี้คิดได้ไงคือสามารถเล่าเรื่องที่เหมือนกระจัดกระจายเล่าทีละคนทีละมุมแต่สามารถมีจุดร่วมกันได้โดยที่ไม่มีหลุดออกนอกทาง ทางที่ว่าคือความซวยซ้ำซวยซากพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกที่ทีแรกคิดว่าใครที่ซวยสุดท้ายใครกันแน่ที่ซวยหรือต่างคนต่างซวยคือมันเจ๋งดีใช้เวลาไม่เปลืองเล่าเรื่องชัดเจนเน้นความบานปลายควบคุมไม่ได้เรื่องจึงเดินหน้าไปอย่างตื่นเต้นระทึกเร้าใจ ที่น่าสนใจอีกอย่างคือแม้จะเล่าเหตุการณ์เดียวกันจากสองมุมคือเล่าเรื่องเดียวกันแต่แยกจากกันกลับมีความสนุก ซึ่งมันมาจากการที่ส่วนแรกคือการสร้างปริศนาให้สงสัยว่าใครเป็นใครอะไรเป็นอะไรแล้วส่วนที่สองก็มาเฉลยปริศนาที่ว่านั้น สุดท้ายเมื่อสองทางมาบรรจบกันความบรรลัยก็ตามมาเพราะทุกอย่างไม่อาจควบคุมได้โดยที่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ความบานปลายก็ได้เริ่มจากมุมของใครของมันนั้นคือต่างคนต่างบานไม่น้อยกว่ากัน ทำให้เมื่อมาเจอกันจึงยิ่งหาทางออกไม่เจอสิ่งที่ตามมาคือหนังไม่มีเวลามาล้อเล่นแต่เล่นกันจริงจังตั้งแต่ต้นแล้วเมื่อเรื่องมันเริ่มไปกันใหญ่เรื่อยๆความสนุกและความน่าสงสัยยิ่งเพิ่มทวี ดังนั้นเวลาฉายที่เกือบๆสองชั่วโมงกลับกลายเป็นการใช้เวลาไม่เปลืองคือใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่าสามารถพัฒนาเหตุการณ์ไปได้เรื่อยๆทุกนาทีของคอนเซปต์ที่มีคือความบานปลาย จนกลายเป็นความตื่นเต้นระทึกใจที่เพิ่มขึ้นตามเวลาแม้ว่าจะเล่าเหตุการณ์เดียวกันแต่ความระทึกใจกลับไม่ลดลง ขีดเส้นแบ่งทางหัวใจไว้ชัดไม่ใช่ขาวกับดำแต่เป็นชั่วปะทะชั่วกว่าและเหตุผลของคนชั่ว โดยปกติแล้วการขีดเส้นแบ่งทางหัวใจมักจะใช้การผลักอารมณ์คนดูด้วยมิติของขาวกับดำหรือหนักหน่อยก็เทาๆ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ขาวหรือเทากับดำแต่เป็นชั่วปะทะชั่วกว่าที่ความจริงมันไม่ควรมีอะไรมาเก็บเกี่ยวอารมณ์ได้จนให้ได้ลุ้นไปกับใครแม้เพียงคนเดียวเพราะต่างคนก็ต่างชั่วพอกันหรือเป็นคนประเภทเดียวกัน แต่ความเยี่ยมของชั้นเชิงในการดึงอารมณ์คนดูทำให้แม้จะรู้ทังรู้ว่าคือคนชั่วแต่หัวใจกลับติดไปกับตัวละครทำให้ได้ลุ้นเอาใจช่วยนั่นคือเรื่องเหตุผลของคนชั่ว เพราะฝ่ายหนึ่งชั่วเพราะแม่ป่วยหนักต้องใช้เงินเยอะในการรักษาและดูแลและยังมีบางมุมที่เห็นว่ารักครอบครัวแต่กับอีกฝ่ายที่ชั่วเพราะความทะเยอทะยานอยากได้อยากมีอยากเป็นใหญ่แค่นี้ก็รู้แล้วว่าต่อให้ต่างคนต่างชั่วหัวใจคนดูจะเลือกเข้าข้างใคร ซึ่งมันคือเรื่องง่ายๆที่ใช้ได้ผลเพราะคนดูไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าไอ้สองคนนี้แล้วจึงบังคับให้เลือกมาสักคนไม่งั้นไม่สนุก แล้วธรรมชาติมนุษย์ก็เลือกคนชั่วที่มีเหตุผลที่จะชั่วแล้วมันถูกต้องแล้วหรือก็คือเจ๋งอีกแล้วการแสดงที่เข้มข้นของสองนักแสดงในการเล่าเรื่องที่แปลกไปเล็กๆถ้าว่ากันที่นี่คือหนังญี่ปุ่น โดยปกติแล้วหนังญี่ปุ่นโดยมากหรือเกือบทั้งหมดแหละจะเล่าเรื่องแบบเรียบเรื่อยต่อให้เป็นหนังแอ็กชันก็จะมีความเรียบของมัน แต่เรื่องนี้กลับมาแปลกด้วยการเร่งตั้งแต่แรกเมื่อความซวยมาเยือนซึ่งก็คงเป็นเพราะเป็นหนังรีเมคมาจากเกาหลีเลยได้กลิ่นกิมจิมากลายๆ แต่ก็แปลกที่สามารถเข้ากันได้ดีกับการแสดงแบบนิ่งๆในแบบญี่ปุ่นได้อย่างน่าดูชมเพราะเรื่องนี้จะว่าไปก็แทบจะเป็นเรื่องของคนสองคนที่ความซวยพามาให้พบกันเพื่อประชันกันว่าข้าหรือเอ็งใครมันจะซวยกว่ากันใครจะเจอหนักกว่ากัน ยิ่งได้มิติที่ต้องเลือกระหว่างคนชั่วกับคนชั่วกว่ายิ่งทำให้เลือกง่ายขึ้นผ่านการแสดงการของจุนอิจิ โอกาดะกับโก อายาโนะเพราะมันจะต้องรักคนหนึ่งและเกลียดคนหนึ่ง ที่น่าสนใจก็อย่างที่บอกคือตัวละครสองคนไม่ใช่คนดีหรือเป็นพระเอกที่พึงมีในหนังไม่ใช่ฮีโร่กอบกู้โลกหรือช่วยเหลือใคร แต่นี่คือเรื่องของคนจัญไรที่จะต้องเอาตัวรอดให้ได้จากวันมหาโหดนี้ให้ได้ต่อให้ต้องตายไปข้างมันจึงเป็นการแสดงที่ดูชั่วดีที่คนดูจะชอบจัดเป็นความบันเทิงที่เข้มข้นถึงกึ๋นเพราะความห่างทางเวลาจากของเก่าทำให้มีรำลึกถึงบ้างแต่น้อยมาก ด้วยความที่ผู้เขียนดูเวอร์ชันเก่ามานานมากแล้วเมื่อไหร่ก็ไม่รู้แถมดูจากไหนก็ไม่รู้ที่รู้คือหนังดีแต่ไม่ได้ถึงกับต้องจำใส่กะลาหัว แต่นั่นกลับเป็นข้อดีเมื่อของเก่ามีแค่เงาลางๆเรื่องรายละเอียดต่างๆเหลืออยู่น้อยมากจนแทบไม่มีการดูเวอร์ชั่นใหม่นี้เลยกลายเป็นความบันเทิง แล้วความบันเทิงที่ว่าก็มาด้วยความเข้มข้นอย่างถึงกึ๋นเพราะเล่าได้บานปลายระทึกใจสงสัยไปจนเกือบสุดท้ายว่าเรื่องมันจะไปจบลงตรงไหนและได้ยังไง ที่สำคัญเมื่อดูจบก็แปลกใจไม่น้อยว่านี่เราเองต้องเอาใจช่วยคนแบบนี้จริงหรือที่ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยด้วยความที่กล้าท้าทายมโนสำนึกในใจมนุษย์แบบเนียนๆ แถมด้วยต่อให้เหตุการณ์บานปลายไปขนาดไหนความคิดที่ว่าจะทำแบบนั้นไปทำไมหรือทำไมไม่ทำแบบนั้นจะไม่ลอยมาก่อกวนเพราะดีกรีความซวยที่มาพร้อมกับความชั่วมันแข็งแรงพอและใหญ่พอให้ไม่ทันคิดอะไร จึงกลายเป็นงานที่จะว่าไปคือรีเมคได้ถูกเวลาเพราะระยะห่างที่มากทำให้คนดูลืมของเก่าไปได้ทำให้ดูสนุก