E-San Love Story ส่ม ภัค เสี่ยน 2017 พากย์ไทย
ตัวอย่างหนัง E-San Love Story ส่ม ภัค เสี่ยน 2017 พากย์ไทย
ดูหนัง E-San Love Story ส่ม ภัค เสี่ยน 2017 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ:E-San Love Story ส่ม ภัค เสี่ยน 2017 พากย์ไทยเรื่องราวของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง “เสี้ยน” (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) ที่คบหาดูใจกับ “แสงระวี” หรือ “ส้ม” (บุษราคัม วงษ์คำเหลา) มาตั้งแต่สมัยเรียน จนเมื่อส้มได้เข้าไปทำงานที่กรุงเทพ เสี้ยนก็ยังเฝ้าคอยส้มกลับมา แต่กลับพบว่าส้มไม่ได้กลับมาคนเดียว แต่พามาจากกรุงเทพ ชื่อ “จักรพันธ์” หรือ “จักร” (กรวัฒน์ สุวรัตนานนท์) แฟนใหม่กลับมาด้วยและเตรียมแต่งงานกัน ทำให้เสี้ยนต้องทำทุกทางเพื่อชิงส้มกลับมา ส่วน “ภัค” (รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช) ที่เป็นน้องรหัสของเสี้ยนที่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็ไปๆมาๆบ้านเสี้ยนบ่อยเข้ามีใจให้เสี้ยนในที่สุด จึงเกิดเป็นเรื่องราวรักสามเส้าในที่สุดและในหมู่บ้านยังมี “พระมหาชัย” (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) พระที่คนในหมู่บ้านให้ความเคารพนับถือ ที่พูดอะไรให้คำแนะนำอะไร ชาวบ้านก็เชื่อฟังทำตาม และไม่พ้นที่พระมหาชัยจะเข้ามีส่วนกับความรักวุ่นๆของหนุ่มสาวในครั้งนี้
ก่อนจากลาไปเรียนต่อกรุงเทพ ส้ม (บุษราคัม วงษ์คำเหลา)สาวพนมคนงามก็ให้สัญญากับ เสี้ยน (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) ว่าจะไม่ลืมหนุ่มบ้านนอกอย่างเขา แต่ไม่นาน ส้มก็พาคู่หมั้นกลับบ้านเพื่อมาแต่งงานทำให้ เสี้ยน แทบคลั่งที่คนรักเปลี่ยนใจจากเขาไปอย่างง่ายดายโดยไม่รู้เลยว่า ภัค (รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช) สาวน้อยเจ้าของร้านทอง แอบรักเขามานานแล้ว ในขณะที่พระมหาชัย (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ต้องคอยประกันตัว บรรจง (คริสโตเฟอร์ โจนาธาน รอย เชฟ) หนุ่มอีสานหน้าฝรั่งขี้เมาที่มักมีเรื่องติดคุกจนเมียเริ่มระอามองจากหน้าหนังแล้วคงเดาได้ไม่ยากว่า ส่มภัคเสี่ยน มุ่งขายคนดูในกลุ่มชาวบ้านโดยเฉพาะภาคอีสานเป็นหลัก ทั้งดาราแม่เหล็กที่คิดไว้แล้วว่าดึงคนมาดูได้แน่ๆอย่าง โตโน่ ภาคินทร์ และ ไข่มุก รุ่งรัตน์ มาเสริมทัพ หม่ำ จ๊กม๊ก ในบทพระมหาชัย พ่วงด้วย แจ๊ส ชวนชื่นในบทหลวงพี่แจ๊ส และถ้ายังไม่พอ หนังยังได้ เพชร สหรัตน์ ศิลปินขวัญใจชาวอีสานมาเรียกแขกให้กับหนังตลกที่เล่าเรื่องราวง่ายๆอย่างความรัก มุกตลกในวงการพระ และอารมณ์สำนึกรักบ้านเกิด แต่ใช่ว่าหนังที่เล่าเรื่องราวง่ายๆจะจัดการให้ทุกองค์ประกอบออกมาลงตัวและเป็นหนังที่ดีได้เสมอไป และโดยที่เราไม่ประเมินค่าหนังแต่เพียงภาพลักษณ์ภายนอก การกำกับหนังเรื่องแรกของ เอ็ม บุษราคัม วงษ์คำเหลา ก็ไม่ต่างจากการทำอาหารจานแรกให้อร่อย ยิ่งชื่อหนังเพี้ยนมาจากชื่ออาหารอีสาน อย่าง ส้มผักเสี้ยน (ที่เราอาจเรียกเก๊ๆว่า กิมจิอีสาน) ที่ยิ่งต้องลงแรงทั้งบีบทั้งคั้น ในทุกองค์ประกอบของหนังให้ออกมาลงตัวที่สุด แม้ว่าจุดขายอยู่ที่ดาราแต่เรื่องราวและจังหวะในการนำเสนอของมันต่างหากที่จะทำให้หนังออกมาแซ่บนัวร์ที่สุด แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับไม่ต่างจากหนังตลกที่พ่อของเธอทำเท่าใดนักสิ่งที่น่าเสียดายอันดับแรกคงหนีไม่พ้น เมื่อคนดูได้เห็น หม่ำ จ๊กม๊ก เราก็แทบไม่เหลือความแปลกใจอะไรกับมุกต่างๆที่หนังพยายามนำเสนอ ตั้งแต่มุกตลกคำหยาบ มุกสองแง่สองง่าม หรือแม้กระทั่งการเชิญนักพากษ์ทีมพันธมิตร อย่าง อาเกรียง- เกรียงศักดิ์ เหรียญทองและ อาติ่ง- สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล มาเล่นมุกพากษ์สด ที่ต้องบอกว่า มุกหลายๆมุก ทั้งเป็นการรีไซเคิลของเก่าและ ฝืดเฝือเพราะผู้กำกับไม่สามารถนำเสนอให้มันเหมาะกับสื่อภาพยนตร์ได้จริงๆ จนสุดท้ายกว่า 70% ของหนังเลยเหมือนมุกที่เราเคยผ่านตาทั้งใน แหยม ยโสธร, บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม หรือแม้แต่รายการชิงร้อยชิงล้านที่ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่เขาจะเลิกเล่นมุกเมียน้อยตามจังหวัดต่างๆเสียที และที่เลวร้ายที่สุดหาก ผู้กำกับสาว เอ็ม คิดว่า “มุกหม่ำโชว์” ของคุณพ่อคือตัวช่วยชูรสหนัง ก็เข้าขั้นแม่ครัวหนักมือจน ผงชูรสมากลบรสหวานของพลอตหลักว่าด้วยความรักของสามตัวละครหลักจนแทบไม่เหลือความสำคัญ เพราะต้องเฉลี่ยเวลามานำเสนอมุกตลกทั้งหลายแทน ซ้ำร้ายการเชิญเหล่าดารา ก็อปปี้โชว์ มาอยู่ในหนังก็ยิ่งเพิ่มความน่ารำคาญมากกว่าความฮา โดยเฉพาะมุกคนหน้าเหมือน มิสเตอร์บีน ที่ทำให้อึดอัดทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวอย่างที่ได้เกริ่นไว้ว่าหนังมุ่งใช้ดารามาเป็นจุดขาย โดยเฉพาะการใช้บริการเซเลบอีสานทั้งหลาย ตั้งแต่ โตโน่ ภาคินทร์ หรือ โตโน่ เดอะสตาร์ ดาราอีสานหน้าหล่อที่เพิ่งมีผลงานละคร เดอะคิวปิดไปไม่นาน และ ไข่มุก รุ่งรัตน์ จากเวทีเดอะวอยซ์ ที่ผ่านงานหนัง ลูกทุ่งซิกเนเจอร์ มาแล้ว หากกล่าวโดยที่ไม่นับการแสดงที่ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว สิ่งที่หนังพลาดแบบไม่น่าให้อภัยคือการเอานักร้องดังสองคนมาแสดงหนังแต่ไม่มีฉากร้องเพลงของทั้งคู่เลยสักฉากเดียว ทั้งเรื่องเราจะได้เห็นโตโน่ทำตัวงี่เง่า อกหัก และระรานชาวบ้าน ส่วนไข่มุก รุ่งรัตน์ ก็ถูกยัดเยียดภาพลักษณ์สาวบ้านนาตัวดำแต่งตัวเชยให้ทั้งเรื่องทั้งที่หน้าตาเธอก็ไม่ได้ขี้เหร่จนถึงกับดูไม่ได้ จนเหมือนกล้องใจร้ายถ่ายเธอให้ดูแย่เกินไปหน่อย ซ้ำร้ายพอหนังไม่ได้บอกเล่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากไปกว่า ฉากแฟลชแบ็คตอนเด็ก และฉากแอ๊วหนุ่มของไข่มุก เลยกลายเป็นว่าแก่นหลักของหนังว่าด้วยความรักที่อยู่ใกล้ตัวถูกกลืนจนแทบหมดความสำคัญ ยังดีที่การปรากฏตัวของ สุนารี ราชสีมา ดีว่าเมืองย่าโม ในบทแม่ของเสี้ยน ช่วยให้หนังดูสนุกขึ้นบ้างทั้งการตบมุกที่เล่นได้ฮาจนเหล่าตลกอาชีพยังอาย ส่วน คริสโตเฟอร์ โจนาธาน รอย เชฟ หรือ คริส เดอะสตาร์ ก็รับบทหนุ่มฝรั่งพูดอีสานได้โดดเด่นและน่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่รับส่งมุกกับ หม่ำ จ๊กม๊ก แล้วคนดูพอจะได้หัวเราะบ้างนอกจากนี้ ส่มภัคเสี่ยน ยังมีบางมุมที่แสดงให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ของหนังไม่น้อย โดยเฉพาะความพยายามจะเอ็นเตอร์เทนคนดูด้วยเพลงอีสาน ซึ่งเธอก็ใช้ เพชร สหรัฐ ได้อย่างคุ้มค่า ทั้งให้แต่งเพลงและมาเล่นฉากแฟนตาซีมิวสิกวีดีโอ แม้จะดูแปลกแยกและประดักประเดิด แต่ต้องยอมรับว่าทำให้หนังมีสีสันขึ้นมา ซึ่งจุดนี้เองที่แสดงให้เห็นลายเซ็นจางๆของผู้กำกับสาว เอ็ม ที่พยายามนำเสนอวัฒนธรรมอีสานให้ดูพ็อพ โดยเฉพาะการนำเพลงอีสานยุคใหม่ที่ก้ำกึ่งระหว่างเพลงลูกทุ่งและพ็อพร็อค มานำเสนอคล้าย มิวสิกวีดีโอแนวเซอร์เรียลของ ผู้กำกับอย่าง มิเชล กอนดรี้ แต่น่าเสียดายที่มันมีแค่ฉากเดียว นอกนั้นหนังกลับนำเสนอความเป็นอีสานแบบผิวเผิน ทั้งเครื่องดนตรี ภาษาพูด หรือแม้แต่ฉากทำ ส้มผักเสี้ยน ที่หนังก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการนำมาอุปมาอุปมัยกับความรักของตัวละครหลักหรือวิถีชีวิตแต่อย่างใด ซ้ำร้ายเมื่อบทหนังยังคงนำเสนอเรื่องราวเดิมๆ ว่าด้วยความรักของหนุ่มสาวบ้านนาและผลิตซ้ำแนวคิดสำนึกรักบ้านเกิดแบบผิวเผิน พ่วงด้วยปมปัญหาวิถีชีวิตชาวบ้านที่หนีไม่พ้น ตั้งวงเมาเหล้า เป็นหนี้ติดพนัน ขยันเล่นหวย ก็ยิ่งทำให้ ส่มภัคเสี่ยน แปรสภาพจากอาหารอีสารรสแซ่บกลายเป็นผักดองบูดๆที่ถ่ายใส่จานใหม่ไปอย่างน่าเสียดายสรุปแล้วถ้าเป็นอาหาร ส่มภัคเสี่ยน ก็คืออาหารหน้าตาจัดจ้านครบเครื่อง แต่กลับใส่ผงชูรสหนักมือจนความเค็มปร่าจากมุกที่ชวนอึดอัดพาให้หนังสร้างความรำคาญแก่คนดูเป็นระยะ รวมถึงงานภาพของหนังที่ยังไม่ได้มาตรฐานหนังฉายโรงนัก เลยทำให้หนังที่น่าจะเป็น อาหารระดับมิชลินสตาร์ จบแค่ อาหารข้างทางเค็มนำที่ไม่ได้น่าจดจำเท่าใดนัก