Blackpink Light Up the Sky แบล็กพิงก์ ไลต์อัพเดอะสกาย 2020 พากย์ไทย
ตัวอย่างหนัง Blackpink Light Up the Sky แบล็กพิงก์ ไลต์อัพเดอะสกาย 2020 พากย์ไทย
ดูหนัง Blackpink Light Up the Sky แบล็กพิงก์ ไลต์อัพเดอะสกาย 2020 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ:Blackpink Light Up the Sky แบล็กพิงก์ ไลต์อัพเดอะสกาย 2020 พากย์ไทย เชื่อว่า BLINK ถ้าได้ดูสารคดี BLACKPINK: Light Up the Sky แล้วน้ำตาต้องมา! เพราะขนาดว่าคนดูทั่วไปที่ไม่ได้รู้จักพวกเธอมากนัก ยังจำชื่อ เจนนี่ ลิซ่า จีซู และโรเซ่ ได้ขึ้นใจหลังดูจบ ด้วยเหตุผลว่าผู้กำกับ แคโรไลน์ ซูห์ ถ่ายทอดแง่มุมที่สะท้อนความเป็นคนธรรมดา ทำให้เรื่องราวใกล้ตัวคนดูมากขึ้น ทั้งยังได้เข้าใจข้างในจิตใจของหญิงสาวสี่คน ที่ไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งจะกลายมาเป็นต้นแบบให้ผู้คนมากมาย และยืนอยู่ในจุดที่แสงไฟจับจ้องที่สุด BLACKPINK: Light Up the Sky คือสารคดีเล่าเรื่องราวของศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปที่ดังที่สุดในตอนนี้ และเชื่อว่าผู้คนมากกว่า 193 ประเทศทั่วโลกที่สารคดีออกอากาศผ่านทาง Netflix คงจะมีคำถามคล้ายๆ กัน คือพวกเธอดังขนาดนี้ได้อย่างไร มีแฟนอยู่แทบทุกชาติทุกภาษา ชีวิตเปลี่ยนไปขนาดไหน บรรยากาศหลังเวทีเป็นอย่างไรในวันขึ้นโชว์ Coachella หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก สารคดีเลือกเดินตามเรื่องราวของวงตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อ YG Entertainment วางแผนสร้างวงผู้หญิงอีกครั้ง หลังความสำเร็จของ 2NE1 ด้วยการเฟ้นหาเด็กผู้หญิงจากหลายประเทศไปเป็นศิลปินฝึกหัด จากผู้หญิงนับสิบๆ คน ฝึกซ้อมอย่างหนักตลอดเวลาหลายปี ผ่านการแข่งขัน โชว์พลัง เฟ้นหาเคมีที่เหมาะสม จนเหลือสี่สมาชิกที่ได้เดบิวต์ในปี 2016“เราต้องทำให้ได้ตามมาตรฐานของเขาทุกๆ ด้าน ซ้อม 14 ชั่วโมงต่อวัน” – เจนนี่“ต้องเรียนเต้น 3-4 คลาสและซ้อมทุกวัน ต้องเรียนร้องเพลงกับครูอีก 2-3 คน เป็นช่วงที่หนักมากๆ” – จีซู“ทุกๆ สิ้นเดือน ผู้บริหารและโปรดิวเซอร์ทุกคนจะเข้ามา…หลังการประเมินเราจะถูกให้คะแนน คนไหนได้เอ คนไหนได้บี และคนไหนได้ซี จำได้ว่าต้องส่งเพื่อนสนิทของเรากลับบ้านทุกเดือน เพราะพวกเธอถูกคัดออกจากการทดสอบ” สี่สาว BLACKPINK เล่าย้อนไปถึงการเป็นศิลปินฝึกหัด ที่พวกเธอใช้เวลาแต่ละวันไปกับการฝึกซ้อมซ้ำๆ และแทบจะไม่มีช่วงชีวิตวัยรุ่นในแบบเด็กสาวคนอื่นๆ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่พวกเธอยินดีแลกมากับความฝันที่หวังไว้ความที่สมาชิกล้วนเติบโตจากคนละวัฒนธรรมจากการใช้ชีวิตในประเทศต่างๆ แต่ด้วยอายุที่ไล่เลี่ย ความรักในดนตรี และความมุ่งมั่นอย่างเหลือเชื่อ พวกเธอจึงกลายเป็นทีมเวิร์กที่ลงตัว ทั้งยังมีความโดดเด่นในคาแร็กเตอร์ของตัวเอง จีซู พี่สาวคนโตของวงที่มีไหวพริบและอารมณ์ขัน, เจนนี่ แรปเปอร์สาวที่มีบุคลิกสุดเฟียร์ซบนเวที แต่กลับมีน้ำเสียงอันนุ่มนวล, โรเซ่ เด็กสาวจากออสเตรเลียที่มีน้ำเสียงไพเราะเป็นเอกลักษณ์ และ ลิซ่า ราชินีแห่งการเต้น ผู้สร้างสีสัน เสียงหัวเราะ และเป็นพลังงานบวกให้กับเพื่อนร่วมวงเสมอความพิเศษของสารคดี BLACKPINK: Light Up the Sky คือการเปิดเผยให้เราได้เห็นแง่มุมที่บอบบาง และแสนจะเป็นผู้หญิงปกติธรรมดาของสี่สาว เจนนี่ ลิซ่า จีซู และโรเซ่ ในแบบที่ไม่คาดคิดว่าศิลปินเกาหลีที่อยู่หนาแน่นใต้กฎเหล็กของค่าย จะเผยให้เห็นตัวตนออกมาอย่างจริงใจ นอกจากนี้ ภายใต้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ที่ได้เห็นผ่านตามาตลอด ข้างในของพวกเธอก็มีเรื่องที่สั่นสะเทือนไม่ต่างจากคนอื่นๆ “จำได้ว่าเดบิวต์แล้วหนูกลับไทยครั้งแรก เพราะว่าเด็กๆ ไทยเขาเห็นว่าหนูเป็นคนไทย…เขาอยากเป็นเหมือนพี่ลิซ่า อยากเป็นแบบพี่ลิซ่า…แต่คือจริงๆ แล้ว หนูเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าหนูเป็นตัวอย่างที่ดีพอไหม หนูจะต้องทำอย่างไรไม่ให้เขาผิดหวัง” ลิซ่า ตอบภาษาไทยในประเด็นนี้ แววตามองเห็นความรู้สึกที่ปลาบปลื้มปะปนความไม่มั่นใจ เพราะเอาเข้าจริงๆ เธอก็เป็นเด็กผู้หญิงที่รักการเต้นรำ จนได้ไปเป็นศิลปินฝึกหัดที่โซลตอนอายุ 14 ปี ได้เดบิวต์ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และกลายเป็นความฝันของเด็กผู้หญิงมากมาย น้ำหนักความคาดหวังจึงเพิ่มมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ต่างกัน สมาชิกในวงล้วนมีช่วงเวลาที่หนักหนา กับชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จที่ถาโถมเข้ามาในวันที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทุกสิ่ง การที่เราได้รู้จักตัวตนพวกเธอผ่านสารคดีเรื่องนี้ ไม่ต่างจากการมองเห็นพลังผู้หญิงที่สื่อสารออกมา ผู้หญิงธรรมดาที่มีความสุขก็ยิ้ม มีความทุกข์รับมือไม่ไหวก็ร้องไห้เหมือนๆ กัน “บางวันเราก็เหมือนมนุษย์ปกติที่มีความสุขสุดๆ บางวันเราก็เศร้า” – เจนนี่“ฉันรักการอยู่บนเวที เพราะเป็นเวลาที่ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวาที่สุด แต่พอกลับมาที่โรงแรม ฉันกลับรู้สึกว่างเปล่า…และนั่นเป็นตอนที่ฉันรู้ตัวว่าคิดถึงบ้าน” -โรเซ่ไม่ใช่แค่ในพาร์ตของตัวศิลปิน สารคดียังเปิดมุมมองเรื่องงานเพลงที่มีหัวเรี่ยวหัวแรงหลักคือ Teddy Park โปรดิวเซอร์ของ BLACKPINK ที่ทำงานด้วยกันตั้งแต่เปิดตัวเพลง Boombayah และ Whistle (2016) มาจนถึงสตูดิโออัลบั้ม The Album (2020) เราได้เห็นการทำงานในห้องอัดที่เปิดอิสระให้พวกเธอในการสร้างสรรค์ การทดลอง การทำซ้ำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และเห็นมิติอีกแง่มุมของ BLACKPINK ที่เป็นคนดนตรีตัวจริง ไม่ใช่แค่เกิร์ลกรุ๊ปที่สวยงามแค่เพียงฉากหน้าTeddy Park มีส่วนสำคัญในการสร้างพวกเธอให้กลายเป็น BLACKPINK อย่างในทุกวันนี้ ทั้งเรื่องดนตรี และการเป็นพี่ชายที่พร้อมสนับสนุนน้องสาวให้เดินทางไปจนสุดปลายความฝัน ภาพสี่สาวกระโดดหันหลังใส่กรอบติดอยู่ในห้องอัด เหมือนเป็นคำอธิบายกลายๆ ว่าเขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพวกเธอ อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการปูพื้นให้คนดูค่อยๆ เข้าใจในการเกิดขึ้นของ BLACKPINK การได้เห็นความยากลำบากในการฝึกฝน รวมถึงพัฒนาการของดนตรี K-Pop ความสำเร็จที่เกิดจากการทุ่มเททำงานอย่างหนักจากผู้คนในอุตสาหกรรมดนตรี และทุ่มทุกอย่างที่ตัวเองมีลงไปในนั้นหมดแล้ว สิ่งนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่าดนตรี K-Pop ไม่ได้กลายมาเป็นแนวเพลงสากลของโลกยุคใหม่เพราะความบังเอิญใดๆอย่างหนึ่งที่ BLACKPINK บอกเอาไว้ในสารดคีเรื่องนี้ คือการ “สนุกไปกับมัน” สนุกไปกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นระหว่างทาง พวกเธอเลือกจะสนุกไปกับมัน หัวเราะ ร้องไห้ไปกับมัน และพยายามเป็นตัวเองเพื่อส่งต่อความฝัน แรงบันดาลใจ พลังงานที่สดใสไปให้ถึงผู้คนทั่วโลกคุณจะเป็น BLINK หรือไม่รู้จัก BLACKPINK เลยก็ตาม การได้ชมสารคดี BLACKPINK: Light Up the Sky จะเป็นช่วงเวลาที่ไฟในตัวพลุ่งพล่าน สัมผัสได้ถึงแรงผลักดันกันและกันของพวกเธอ ที่แข็งแรง ส่งต่อมาถึงใจเราได้ ทั้งยังเป็นภาษาสากลนอกเหนือความเป็นเกาหลี เอเชีย ตะวันตก หรืออะไรไปแล้ว นี่แหละคือ BLACKPINK สีชมพูที่เข้มแข็งตัวแทนหญิงสาวแห่งโลกยุคนี้