Sniper Ultimate Kill สไนเปอร์ มือปืน โลก พระกาฬ 2017 พากย์ไทย
ตัวอย่างหนัง Sniper Ultimate Kill สไนเปอร์ มือปืน โลก พระกาฬ 2017 พากย์ไทย

ดูหนัง Sniper Ultimate Kill สไนเปอร์ มือปืน โลก พระกาฬ 2017 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ:Sniper Ultimate Kill สไนเปอร์ มือปืน โลก พระกาฬ 2017 พากย์ไทย พ่อลูกมือปืนที่มีฝีมือระดับตำนาน พล.อ. โธมัส เบ็คเก็ตต์ (ทอม เบอเรนเจอร์) และลูกชายของเขา แบรนดอน เบ็คเก็ตต์ (แชด ไมเคิล คอลลินส์) และทีมที่ยอดเยี่ยมซึ่งก็คือนักแม่นปืนที่ทำงานได้เข้าขากันสุดๆอย่าง ริชาร์ด มิลเลอร์ (บิลลี เซน) ได้รับมอบหมายภารกิจที่เสี่ยงอันตรายอย่างมาก โดยพวกเขาต้องเดินทางไปที่โคลอมเบียเพื่อจัดการกับแก๊งอาชญากรรายใหญ่ ที่ทำการค้าขายยาเสพติดผิดกฎหมาย ซึ่งพวกเขามีกลุ่มใหญ่และอาวุธที่ครบมือจึงทำให้ต่อกรได้ยากและเป็นอันตรายมาก แต่พวกเขาก็เก่งและมีประสบการณ์มากเช่นกัน ทั้งสามวางแผนการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี และรอบคอบที่สุดเพื่อภารกิจในครั้งนี้ และมุ่งหน้าบุกเข้าไปใช้ทักษะทำทุกอย่างเพื่อจบภารกิจในครั้งนี้
โดยหลักแล้วนี่ถือเป็น Sniper ภาคที่มีความสำคัญมากสำหรับซีรี่ส์นี้ครับ เพราะเป็นภาคแรกที่เหล่าตัวเอกสไนเปอร์มารวมตัวกันแบบครบทุกคน (แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน)ได้แก่ แบรนดอน เบคเกตต์ (Chad Michael Collins) พระเอกภาค 4 – 6), โธมัส เบคเกตต์ (Tom Berenger) พระเอกสไนเปอร์ต้นตำรับที่เล่นนำใน 3 ภาคแรก และริชาร์ด มิลเลอร์ (Billy Zane) ที่ถือเป็นลูกศิษย์คนสำคัญของโธมัสภาคนี้แบรนดอนต้องช่วย DEA ในการล่าตัวเจ้าพ่อค้ายาในโคลัมเบีย ซึ่งเจ้าพ่อรายนี้มีมือปืนไร้เงาระดับพระกาฬคอยช่วยทำงานให้ และทำให้ทางการเข้าถึงตัวเจ้าพ่อได้ยากยิ่ง และนั่นก็เป็นหน้าที่ของแบรนดอนในการหาร่องรอยและกำจัดมือปืนรายนี้ออกไปให้ได้ความสนุกของภาคนี้ก็ถือว่าพอได้ครับ แน่นอนว่ามันไม่ได้สนุกมากมายอะไร แต่ก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ และไม่เลวสำหรับหนังว่าด้วยสไนเปอร์ที่ไม่เน้นบู๊ประชิดตัว แต่จะเน้นบู๊ระยะไกล (มากๆๆๆๆๆ) และเน้นการสะกดรอย-หาร่องรอยของมือปืนฝ่ายตรงข้ามแต่การเขียนถึงหนังเรื่องนี้หลังจากเขียนถึง Wolf Warrior II แล้วมันก็สะกิดให้เรานึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และโดยส่วนตัวผมมองว่ามันเป็นประเด็นที่น่าสนใจนะ เกี่ยวกับหนังแอ็กชันทั้งหลาย (ทั้งเกรดสูงและทำลงแผ่น)ผมมองว่าหนังบู๊ลงแผ่นส่วนมากจะมีสิ่งหนึ่งคล้ายกันคือ แม้จะเป็นหนังแอ็คชัน แต่ก็ไม่ได้เน้นแอ็คชันเป็นหลัก ทว่าจะมีความพยายามในการใส่เนื้อเรื่อง ใส่ฉากตัวละครคุยกันลงมาให้มากๆ ส่วนมากถ้าไม่คุยกับเรื่องงานก็จะคุยกันเรื่องส่วนตัวแล้วผมก็มีคำถามขึนมาว่าจริงๆ แล้วฉากพวกนี้ถูกใส่ลงมาทำไม? มันถูกใส่เพื่อให้หนังดูเหมือนมีเนื้ัอเรื่อง, ทำให้เราได้เห็นมิติตัวละคร หรือใส่เพื่อยืดเวลาออกไปให้นานขึ้น ทำให้หนังมันมีความยาวรวมๆ กันแล้วได้ 90 นาทีขึ้นไป?ต้องยอมรับว่าฉากตัวละครคุยกันมันเซ็ทง่ายกว่ากันเยอะ ในขณะที่ฉากบู๊มันต้องเซ็ทฉากใหญ่กว่า ต้องวางช็อตวางสตอรี่บอร์ดให้ดีๆ แล้วก็ต้องออกแรงออกหมัด หรือไม่ก็สาดกระสุนกัน มันต้องทำ Effect อะไรเยอะกว่า ในขณะที่ฉากคุยกัน เตรียมน้อยกว่า และถ้าคิดเล่นๆ สมมติให้ตัวละครคุยกันครั้งละแค่ 3 นาที แล้วถ่ายแบบนี้สัก 20 ฉาก เราก็ได้ฉากใส่ลงไปในหนังแล้ว 1 ชั่วโมง…จริงๆ นี่เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกมาตลอดน่ะครับ รู้สึกเลยว่าหนังแอ็คชันฟอร์มไม่สูงหลายเรื่องใช้มุกนี้เป็นหลัก คือมันจะต่างจากหนังบู๊มันส์ๆ ที่ฉากคุยกันจะมีไว้เพื่อบิ้วอารมณ์, เพื่อเล่าเรื่อง หรือเพื่อเพิ่มความเข้มข้น ในขณะที่ส่วนใหญ่ฉากคุยกันพวกนี้จะออ แนว “งั้นๆ” ไม่ได้เพิ่มอะไรให้หนัง (นอกจากเพิ่มเวลาให้ยาวขึ้น)กับเรื่องนี้ ก็มีบางฉากที่ทำให้ผมคิดแบบนั้นครับ แต่ก็ยังดีที่มีไม่เยอะเกินไป อย่างน้อยตอนแบรนดอนเข้าซีนกับริชาร์ดแล้วคุยกัน ก็ทำออกมาได้น่าสนใจ และผมชอบมากที่ตอนท้ายพวกพี่แกร่วมงานกัน ผมว่ามันเป็นอะไรที่มีความหมายครับ ในฐานะคนที่ติดตามหนังชุดนี้มาจนถึงตอนนี้ (นี่ก็ภาค 7 แล้วครับ)โดยรวมหนังก็ดูได้เรื่อยๆ ครับ มีดีเป็นฉากๆ ไป อย่างฉากซุ่มยิงนี่ผมว่าโอเคเลยนะ ทำได้น่าพอใจ ตอนท้ายก็ทำได้ลุ้นดี เพียงแต่เรื่องราวระหว่างทางมันอาจจะพร่องความน่าติดตามไปสักหน่อย และใจจริงหาก 3 สไนเปอร์ร่วมงานกันในฉากเดียวกัน มันคงเท่ห์น่าดูแต่อย่างน้อย 3 คนมาเจอกันก็โอเคแล้วครับ ถือเป็นโมเมนท์ที่มีความหมาย เอาเป็นว่าใครตามดูมา 6 ภาค ก็จัดภาค 7 ได้ครับ อย่างน้อยมันก็ยังสนุกในระดับพอๆ กัน (กับภาคหลังๆ น่ะนะครับ แต่ถ้าถามว่าชอบภาคไหนสุด ก็ขอยกให้ภาคแรกครับ)